Notification แจ้งเตือนขายรูปและวีดีโอได้ในวันนี้ ทำให้ผมนึกถึงบทสนทนาของน้อง ๆ ที่เข้ามาปรึกษาเรื่องงานกับเงิน ที่เริ่มเปลี่ยนมุมมองไปมากขึ้นในปี ๒๐๑๗ นี้
.
คงเพราะอินเตอร์เน็ททำให้โลกเราแคบลงกว่าเดิม เราจึงมองเห็นชีวิตผู้อื่นมากขึ้น เห็นไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงเห็นวิธีทำงาน ทำเงิน แบบอื่น ๆ มากขึ้นด้วย น้อง ๆ รอบตัวผมที่ทำงานมาสักพัก จึงเริ่มเห็นโอกาสทำเงินแบบอื่น ๆ มากขึ้นนอกจากการทำงานประจำ
เห็นคนขายของออนไลน์เป็นงานเสริม
เห็นคนขายประกันเป็นงานเสริม
เห็นคนรับรีวิวสินค้าเป็นงานเสริม
เห็นคนขายรูปออนไลน์เป็นงานเสริม
ทำงานเพิ่มไม่กี่ชั่วโมงต่อเดือน แต่ก็สร้างรายได้เพิ่มหลักหมื่นบาทต่อเดือนได้
จึงมีคำถามมาปรึกษาขอความเห็นผมว่า บริษัทจะเลื่อนตำแหน่งให้ เงินเดือนสูงขึ้นมาพร้อมกับความคาดหวังที่สูงขึ้น และเวลาในการทำงานที่มากขึ้น (เพราะในตำแหน่งระดับบริหาร Fix เวลาทำงานมากไม่ได้ เรื่องที่ต้องคิดต้องจัดการ บางครั้งก็นอกเวลางาน และบางคนต้องมี Business trip ไป ต่างประเทศด้วย สิ่งเหล่านี้ Require “เวลา” เพิ่มทั้งหมด)
.
คำถามคือ เขาควรจะจ่ายต้นทุนทางเวลาเพิ่มมากขึ้นนี้
ให้กับ การเลื่อนขั้น หรือ หางานอื่นทำเพิ่มดี?
หรือพูดอีกทีให้สวย ๆ ได้ว่า
ระหว่าง รายได้เพิ่ม vs. รายได้เสริม ควรเลือกอันไหน?
.
อย่างแรกเลยผมดีใจ ที่น้อง ๆ เหล่านี้ตระหนักได้ว่า “เวลา” เป็นสิ่งมีค่าขนาดไหน
แต่จริตคนเราไม่เหมือนกัน ประเภทของพลังงานในร่างกายไม่เหมือนกัน คนที่เป็นธาตุดินคงชอบอะไรที่มันมั่นคง ไม่หวือหวา ต่างจากพวกธาตุไฟ ที่ชอบอยู่กับระดับพลังงานที่สูง อยู่กับความท้าทาย มันจึงไม่มีคำตอบตายตัว ว่าเลือกแบบไหนดีสุด จะมีก็แต่ ดีสุดสำหรับใคร ผมจึงมักถามกลับจนเขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น และได้เป็นฝ่ายเลือกด้วยตัวเองมากกว่า
.
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะเอาประสบการณ์ที่ถูกจริตตัวเองมาแนะนำได้บ้างนั้นคือ
“จงทำงานที่มี Leverage หรือคานผ่อนแรง”
.
งานที่ไม่มีคานผ่อนแรงคือ
งานที่ทำแล้วรับเงินค่าตอบแทน จบเป็นครั้ง ๆ ไป
พูดง่าย ๆ ว่าจ่ายตามเวลา
หารออกมาได้ชั่วโมงละเท่าไร ก็ว่ากันไป
ส่วนงานที่มีคานผ่อนแรงคือ
งานที่ทำแล้ว ผลของงานนั้น
ยังสร้างผลลัพธ์หรือรายได้เรื่อย ๆ
ไม่จบไม่สิ้น
.
ตัวอย่างง่าย ๆ หากเป็นเซลล์ ก็จะได้เงินเดือนและค่าคอมเมื่อขายได้ ยิ่งขายมาก ก็ได้เงินมาก แต่ก็เป็นการทำงานตามเวลาอยู่ดี
แต่ยังมีการเป็นเซลล์บางรูปแบบ ที่เราสามารถสร้างทีมขายของเราเองได้ด้วย เช่น ประกัน, Multi-level marketing หรือ Single-level marketing บางตัว ที่มีโมเดลสร้างทีม
โมเดลเหล่านี้ ขายไปสักพัก หากลูกค้าเราอยากเป็นคนขายแบบเราบ้าง เราก็เทรนเขาให้ขายเป็น ส่วนเราก็จะกลายเป็นแม่ทีม ดูแลลูกทีมให้ทำแบบเราเป็น ผลตอบแทนเราก็เพิ่มขึ้น จากยอดขายของทีมงานเราด้วย แบบนี้คือ มี Leverage
.
ซึ่งในยุค 4.0 นี้แล้ว คงไม่ต้องบอกกันมากนัก ว่ามีอะไรบ้าง ถ้าไม่ปิดหูปิดตาปิดใจ เราจะมองเห็นโมเดลการทำงานที่มี Leverage อยู่เต็มไปหมด หลายคนที่ผมได้เจอ ทำงานน้อย ได้ผลลัพธ์มาก จนมีอิสรภาพทางเวลาได้ อยู่บ้านเลี้ยงลูกได้ มีระบบช่วยทำเงิน เดือนนึงทำงานไม่กี่ชั่วโมง ให้ระบบมันยังเดินได้ และให้ Leverage ทำงานของมันไป
.
นี่ไม่ใช่เป็นการดูถูกงาน ดูถูกอาชีพนะครับ ผมอยากจะบอกว่า ด้วยเทคโนโลยี ด้วยความคิดสร้างสรรค์ สมัยนี้เราใส่ Leverage เข้าไปได้แทบจะทุกอาชีพ
ผมเคยเห็นเทรนเนอร์ฝึกหมาคนนึง สร้างระบบขายคลิปฝึกหมาออนไลน์ของเขา ที่ขายตัวเองได้ แถมเปิดระบบ Affiliate ให้ลูกค้าเขาสามารถแนะนำเพื่อนมาซื้อ ก็เปลี่ยนลูกค้ามาเป็นคนช่วยขายสินค้า แบ่งรายได้ให้เขาบ้าง แต่ยอดขายเราเพิ่มขึ้นโดยที่งานเราไม่เพิ่มขึ้น นี่แหละ ที่เรียกว่ายังคงทำรายได้ต่อเนื่อง จากการทำงานที่จบไปนานแล้ว
.
ทำมากได้มาก ไม่แปลกครับ
และคนเราควรทำงานให้หนัก
สร้างผลลัพธ์ระดับสูง พัฒนาชาติบ้านเมือง
อันนี้ผมเห็นด้วย
แต่ทุกคนควรมีงานที่มีคานผ่อนแรงไว้ในมือบ้าง ชีวิตก็จะเบาขึ้นได้ คุณเห็นด้วยกับผมไหม?