ตอนแรกที่เห็นรูปหลุดในกลุ่มไลน์คนเล่นโดรน เป็นบอดี้โดรนลึกลับพร้อม logo DJI นี้ ผมคิดว่า ขนาดเล็กแค่นี้ ดูแข็งแรงบึกบึนแบบนี้ ท่าทางจะเป็น FPV (First Person View) โดรนสายซิ่ง เน้นความเร็ว โดยมีกล้องสามัญชนอันเดียวติดด้านหน้า ไว้มองทาง ไม่ใช่ไว้ถ่ายภาพ นักบินจะสวมแว่นมองผ่านกล้องราวกับเข้าไปขับใน cockpit ด้วยตัวเอง (ใครอยากเห็นภาพจาก FPV กดไปดู Youtube ได้)
แต่พอ DJI Spark เปิดตัวและได้เห็นสเปค ผมว่ามีแค่ขนาดแหละครับ ที่ไล่เลี่ยกับโดรนประเภท FPV แต่ Spark ไม่น่าจะเหมาะเอาไปซิ่งแบบนั้นแน่ ๆ เพราะโดรนสาย FPV นี่ ควรจะเป็นเหล็กทั้งตัว ซิ่งชนต้นไม้ตกควรจะไม่พัง ใบพัดควรจะราคาถูก ใบบิ่น ฉีก หัก ก็โยนทิ้ง ซื้อใบชุดใหม่มาใส่แทนได้แบบไม่ต้องไปห่วงอัตราเงินเฟ้อและ GDP ประเทศมากนัก แต่เจ้า Spark นี่ ราคาค่าตัวสองหมื่นบาทถ้วน และวัสดุก็ให้ความรู้สึกเรียบหรูไฮโซ มากกว่าแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ผมว่าถ้าเอามาซิ่งนี่ ไม่น่ารอด ชน 1-2 ที ตกลงมาน่าจะพัง ดังนั้น มันคงไม่ได้ออกแบบมาให้บินสาย FPV นะ สำหรับผม
(ถึงจะเป็น ECO-Car ราคาถูก ก็ไม่ควรเอามาชนเล่น เป็นรถบั๊มงานวัด – ประมาณนั้น)
เปรียบเทียบกับ DJI Mavic Pro
ตารางเปรียบเทียบจาก พี่ Ki ร้าน K-RC เห็นความต่างได้ชัดมากเลยสองที
ผมมองว่า DJI Spark เป็นโดรนสำหรับมือใหม่ หรือ user ทั่วไปที่ไม่ใช่ช่างภาพ เพราะวีดีโอถ่ายได้แค่ Full HD (1080p 30fps) และเป็นไฟล์ MP4 ที่มีการบีบอัดเยอะ ไม่สามารถถ่ายเป็นไฟล์ MOV ที่บีบอัดน้อยกว่าได้ ส่วนภาพนิ่งก็ถ่ายได้แค่ JPG ไม่สามารถถ่ายเป็น RAW* ไฟล์ได้ แต่ Mavic Pro นี่ได้ทั้ง MOV และ RAW
* ไฟล์ภาพแบบ RAW คือไฟล์ที่บันทึกข้อมูลจากเซ็นเซอร์กล้องมาทั้งกระบิ โดยยังไม่ประมวลผลอะไรเลย ยังไม่ใส่ค่าอุณหภูมิสีเข้าไป ยังไม่ใส่โครงสร้างของไฟล์รูปภาพเข้าไป ดังนั้นมันจึงยังไม่ใช่ไฟล์รูปภาพ เอาไปเปิดในโปรแกรมดูรูปทั่วไปไม่ได้ แต่เก็บค่าแสงที่ตกกระทบเซ็นเซอร์มาทั้งหมด ทำให้รายละเอียดยังอยู่ครบถ้วนเต็มความสามารถของเซ็นเซอร์รับภาพ ซึ่งเราสามารถเอาข้อมูลดิบเหล่านี้มา process ต่อได้เยอะมาก ปรับ white balance ในคอมทีหลังได้ ขุดรายละเอียดส่วนมืด (under) หรือส่วนสว่าง (over) ขึ้นมาได้เยอะ ช่างภาพจึงนิยมบันทึกรูปถ่ายเป็นแบบ RAW กันเพราะปรับแต่งได้เยอะมาก แล้วสุดท้ายจะ export ออกมาเป็น JPG, GIF หรือ PNG ก็ค่อยทำในคอมทีหลัง
ตอนแรกผมดูสเปคของ Spark แล้วก็เฉย ๆ นะ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะคิดว่าไม่เหมาะกับสายถ่ายภาพอย่างเรา แต่พอได้เห็น Official วีดีโอโปรโมทจาก DJI อันนี้ เห็นการใช้ Gesture หรือท่าทาง ในการควบคุมโดรน โดยไม่ต้องใช้ คันบังคับหรือ Controller เลย 100% (DJI ถึงขั้นขาย Spark ในช่วงเปิดตัวแบบไร้รีโมท มีมาแต่ตัวโดรนเลย)
ผมนี่ร้อง อ้าว! เฮ้ย! เลย นี่มันนวัตกรรมชัด ๆ เพราะคันบังคับ เป็นสิ่งที่หลายคนกลัว ผมเคยยื่นรีโมทให้เพื่อนที่อยากลองเล่นหลายคน น้อยคนมากที่จะรับไป เค้ามักจะปฏิเสธแล้วบอกว่า กลัวทำพัง แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเป็นการใช้ท่าทาง ควบคุมโดรนให้บินตามมือเราที่ปาดไปมาในอากาศ สั่งกดชัตเตอร์ได้ด้วยการเอาสองมือประสานกันเป็นกรอบรูป อะไรเทือกนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนจะรู้สึก comfortable มากขึ้นที่จะลองบังคับมันดู
ถ้ามองว่ามันคือโดรนขนาดเล็ก ติดกล้องพร้อม Stabilizer Gimbal ที่พกง่าย ไปได้ทุกที่ เปิดใช้ได้สะดวก และขึ้นบินได้ทันที โดยที่ได้ภาพนิ่งขนาด 12MP และวีดีโอ Full HD เก็บความประทับใจกลับมาได้ทุกทริป ผมว่าราคาสองหมื่น ก็ไม่ได้เกินไปนัก สำหรับชื่อ DJI ผมว่าราคากำลังดี ตัดสินใจไม่ยากนะ ไม่เหมือนโดรนติดกล้องระดับ semi-pro อย่าง Phantom 4 Pro ที่ DJI ตั้งราคาขึ้นไปสูงถึงหกหมื่นกลางโน่น ผมชอบภาพมันนะ แต่เห็นราคาแล้วคิดหนักมาก คิดมาจะปีแล้วยังคิดไม่ออกเลยเนี่ย เลยไม่ได้ซื้อซะที ๕ ๕ ๕
ระยะบังคับ ถ้าใช้มือเปล่า (Gesture) ก็ไม่ไกลมาก ผมว่าแค่ 5-10 เมตรเท่านั้น ไกลกว่านั้นเซ็นเซอร์มันก็มองเราไม่เห็นละ จึงรับคำสั่งจากท่าทางเราไม่ได้ ที่สำคัญคือ หากแสงน้อย มันจะยิ่งมองเราไม่เห็น รับคำสั่งยากเข้าไปใหญ่ จึงไม่แนะนำให้เล่นตอนกลางคืนเท่าไร หากจะใช้ท่าทางในการบังคับ
หาก Spark มองไม่เห็นเรา มันก็จะ hover อยู่เฉย ๆ วิธีแก้คือให้ใช้แอป DJI Go4 ในมือถือ บังคับในโหมดแมนนวล หรือสั่งให้ Return Home แต่ก็จะได้แค่ระยะ WIFI ประมาณ 80 เมตรเท่านั้น ถ้าเผลอบังคับไปไกลกว่านี้ มันก็จะหลุดสัญญาณและ Return Home กลับมาเอง
Option สุดท้ายคือ ซื้อ Controller เพิ่มในราคา 6,000 บาท หรือซื้อชุด Spark Combo ก็จะสามารถบังคับ Spark ได้เหมือน Mavic ไปไกลสุด 2km สูงสุดได้ 500m แต่หากใช้รีโมทแล้วบังคับไปไกล หรือขึ้นสูง ต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก เนื่องจาก Spark มีน้ำหนักเพียง 3 ขีดเท่านั้น มันจะสู้ลมไม่ได้เท่าโดรนของ DJI รุ่นอื่น ๆ แน่นอน ตามสเปคนั้น Spark บินได้ความเร็วสูงสุดใน Sport Mode ที่ 50 KmH (ในวงเล็บว่า ไม่มีลม) ส่วนตัวผมคิดว่า ลมระดับ 30 KmH มันก็ไม่น่าจะต้านไหวแล้ว เอาจริง ๆ คือมันทั้งเล็กทั้งเบา ควรบินในสภาพอากาศปกติเท่านั้น แค่ลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว ผมว่า Spark ก็เอาไม่อยู่ละ อาจโดนหอบไปตามลมได้ จุดนี้ต้องระวังครับ
Simplicity is the Key
ผมว่าความเรียบง่ายนี่เป็นจุดขายหลักของรุ่นนี้เลยนะ แกะกล่องออกมา ก็มีแค่นี้เลย กล่องโฟมขนาดกระทัดรัด เบาสบายพกไปได้ทุกที่ สามารถเปิดกล่องออกมา เปิดเครื่อง แล้วบินได้ทันที ทั้งหมดนี่ใช้เวลาไม่ถึง 10 วิด้วยซ้ำ บางทีอาจจะเร็วกว่าการหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋า เปิดฝาหน้าเลนส์เตรียมถ่ายภาพอีกนะ กับสายชาร์จ และคู่มือ จบปิ้ง มีแค่นี้จริง ๆ
ดูขนาดกันชัด ๆ อีกครั้ง มันเล็กจริง ๆ นะ เล็กจนน่าตกใจ เล็กกว่า Mavic พอสมควรเลย ซึ่งตอนซื้อ Mavic ก็คิดนะว่ามันไม่น่าจะมีโดรนถ่ายภาพติด Gimbal ที่เล็กกว่านี้ได้อีกแล้ว เรียกได้ว่า Spark นี่ทำผมทึ่งจริง ๆ มันใหญ่กว่า iPhone 6 นิดเดียวเองอ่ะ แต่หยิบขึ้นมาแล้ว หนักกว่าที่คิดนิดหน่อย มันทำให้ดูไม่ป๊องแป๊ง และก็ดีแล้วที่พอมีน้ำหนักบ้าง ไม่งั้นมันจะต้านลมไม่ได้ บิน outdoor อาจโดนลมหอบกลับจีนได้ง่าย ๆ
ดูหน้าค่าตากันใกล้ ๆ อีกนิด ขาตั้งช่างกระทัดรัดสิ้นดี แต่มันก็ออกแบบมาให้ขึ้นลงบนฝ่ามือนี่แหละ Gimbal 2 แกน ทำหน้าที่ stabilize ลดการสั่นในแนวเอียงซ้ายขวา กับก้มเงย ตรงนี้จะต่างจาก Mavic ที่กันสั่น 3 แกน คือมีกันสั่นในแกน Yaw (หมุนลำหันซ้ายขวา) ด้วย (แต่เห็นว่า กันสั่นแกน Yaw ของ Spark ก็มีครับ แต่เป็นในระดับ Software)
สรุป
ผมคิดว่า DJI Spark ทำออกมาเพื่อตีตลาดกลุ่ม Home User คนธรรมดาสามัญชนทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่ช่างภาพ ไม่ได้ต้องการความเนี๊ยบ ความอลังการอะไรมากมาย ต้องการแค่เก็บความทรงจำ เก็บบรรยากาศครอบครัว เพื่อนฝูงไว้แค่นั้น ไม่ได้ต้องการบินโดรนแบบสูงมาก หรือไกลมาก แค่อยากมีรูปมุมสูงเก๋ ๆ เวลาไปเที่ยวที่กว้าง ๆ วิวสวย ๆ พกไปง่าย ๆ ไม่เป็นภาระ ใช้ง่าย บังคับง่าย แค่แกะจากกล่อง บิน แชะ เอาลงมาเก็บ ดำเนินกิจกรรมต่อ แค่นั้น แล้วมีรูปสวย ๆ วีดีโอเด็ด ๆ โพสลง Social ได้ทันที
ผมคิดว่า วีดีโอโปรโมท Spark อันล่าสุดจาก DJI คลิปนี้ สื่อถึงกลุ่มลูกค้าหลักของ Spark ได้ดีมาก ๆ เป็นการสาธิตวิธีใช้ Spark ในการเก็บความทรงจำระหว่างทริปครอบครัว แชร์แบ่งปัน Moment ให้กับสมาชิกครอบครัวที่อยู่ที่อีกที่ได้ทันที ดูแล้วเคลิ้มมาก ขอเตือนว่ามันจะกระตุ้นต่อมอยากให้ทำงานจนอาจขาดสติและโทรไปสั่งจองพร้อมรูดบัตรเสร็จสรรพได้เลย
DJI Spark จะเข้าไทย กลางเดือน June 2017 นี้แหละครับ ใครเห็นว่าสเปคโดนใจจนต้องโดนโดรนตัวนี้แน่ ๆ แล้ว ก็สามารถสั่งจองได้เลย ติดต่อพี่กิ K-RC Shop ที่ให้เครื่องผมมารีวิวก็ได้ครับ พี่กิเป็นเพื่อนกันมานาน ตั้งแต่สมัยหัดถ่ายรูปใหม่ ๆ เป็นคนชอบการบิน และเล่นพวกเครื่องบินบังคับมานาน จนผันตัวมาเป็นคนขาย รับซ่อม และรับถ่ายภาพทางอากาศด้วย บริการดี สอนบินได้ service หลังการขายไม่ต้องห่วง มีไรด่วนบุกไปที่ร้านตอนตีสองได้เลย แล้วก็รอจนร้านเปิดค่อยกดกริ่งเรียกละกัน เกรงใจกันบ้างก็ดี ปัดโธ่ว์
ส่วน On field test ลองใช้งานในสถานการณ์จริงจะเป็นอย่างไร ได้ภาพประมาณไหน ตามไปดูได้ที่นี่เลยครับ แกะกล่อง DJI Spark | ลองบินด้วยมือถือ
Special Thanks : K-RC Shop • www.k-rc.net
— เปิดบริการ ทุกวัน 10.00 – 19.00 น. —
(นอกเวลาโทรนัดล่วงหน้าได้ 24 ชม.)
โทร = 080-602-6092, 02-150-1020
Line = http://line.me/ti/p/~krcshop
382 thoughts on “แกะกล่อง DJI Spark | ต่างยังไงกับ Mavic?”
Comments are closed.