ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบ Gadget อุปกรณ์ถ่ายภาพ (เดี๋ยวนี้มันเกินคำว่ากล้อง ไปเป็น Gadget ละผมว่า) เวลามีอะไรออกมาใหม่ในตลาด ผมจะอยากรู้ว่า เราจะใช้มันรังสรรค์ภาพสวย ๆ วีดีโอแจ่ม ๆ เป็นบันทึกการเดินทางส่วนบุคคลของเรา บนโลกใบนี้ได้อย่างไรบ้าง
ช่วงท้ายปี ๒๕๖๑ นี้ มีกล้องแจ่ม ๆ เปิดตัวไล่เลี่ยกันถึง ๓ ตัว
๑. Gopro7 – กันยายน
๒. Insta360 One X – ตุลาคม
๓. DJI OSMO Pocket – ธันวาคม
ทำเอา Gadget lovers ฮือฮา กระเป๋าตังค์สั่นกันถ้วนหน้า ผมเองก็เล็งมาตั้งแต่ Gopro7 แล้ว แต่ยังไม่มีทริป ก็เลยไม่ได้รีบซื้ออะไร แต่พอมีตัวเลือกมาเพิ่มแบบนี้ ทำให้คิดหนักเหมือนกัน และพอได้คุยกับน้อง ๆ หลาย ๆ คน ด้วยคำถามเดียวกันซ้ำ ๆ ว่า ซื้อตัวไหนดี ผมเลยคิดว่าเอา Content นี้ลง Blog ก็อาจจะช่วยให้หลาย ๆ คนที่กำลังมีคำถามเดียวกัน ได้ข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจเพิ่มก็ได้
แต่ Blog นี้ไม่ใช่การรีวิวนะครับ ผมเคยใช้มาแต่รุ่นก่อนหน้า Gopro6, Insta360 One, OSMO Blog นี้ จะเป็นการแชร์วิธีการพิจารณาเลือกอุปกรณ์ของผมมากกว่าครับ
ซื้อกล้องตัวไหนดี?
ต้องถามก่อนครับว่า ซื้อไปถ่ายอะไร?
ถ้าคุณจะไปมัลดีฟส์ แล้วอยากถ่ายวีดีโอเล่าเรื่องราวการไปเที่ยวครั้งนี้ในทุก ๆ ฝีก้าว มีทั้งบนบก และฉากกระโดดจากบ้านพักลงน้ำไปเห็นพื้นทะเลใส ๆ ใต้น้ำ ก็คงต้องใช้กล้องแบบหนึ่ง แต่การจะไปเก็บฟุตเทจแสงเหนือสวย ๆ ที่ไอซ์แลนด์ มาตัดต่อในสไตล์ Cinematography แล้วอัพโหลดขาย Stockphoto ด้วย ก็คงต้องใช้กล้องอีกแบบหนึ่ง
ดังนั้นไม่แปลกนะ ถ้าคำตอบของใครบางคนจะออกมาว่า ต้องซื้อและพกทั้งสามตัวไปทริปนี้ เพราะตัวหนึ่งก็มีคุณสมบัติที่อีกตัวไม่มีครับ
Gopro7
ชื่อของ Gopro คงไม่ต้องพูดมากอีกแล้วเรื่องคุณภาพ ความคมชัดของไฟล์ ไปจนถึงศักยภาพในการทำ Slow motion ยิ่ง Gopro7 มาพร้อมกับ HyperSmooth ที่ใช้ Software ช่วยในการ Stabilize ภาพ จนทำให้ถือกล้องเดินถ่ายได้แบบไม่ต้องง้อ Gimbal และผู้บริหาร Gopro ถึงขั้นออกมาบอกว่า ตัวนี้นี่ Gimbal killer เลยนะแจ๊ะ ซึ่งภาพวีดีโอโปรโมทที่ติด Gopro7 ไว้กับจักรยานวิบาก โดยไม่มี Gimbal นั้นคงทำหน้าที่แทนเซลล์แมนได้ดี
Gopro7 นั้น ทำมาให้ถึก ให้ทน เหมาะกับกีฬา Extreme ต่าง ๆ มันจึงตอบโจทย์การใช้งานของผมสำหรับ Scuba diving และ Freediving ซึ่งอันหลังนี่มันคือการกลั้นหายใจดำลงไปตัวเปล่า ๆ ดังนั้นขนาดของกล้องและความคล่องตัว จึงเป็นสิ่งสำคัญขนาดที่ผมไม่อยากเอา O2 ในร่างกายไปให้สมองประมวลผลความคิดเกี่ยวกับใช้งานกล้องมากนัก ซึ่ง Gopro7 ตอบโจทย์ทุกอย่าง มันเล็ก มันทน มันถึก แถมมาพร้อมความกันน้ำลึกถึง ๑๐ เมตรโดยไม่ต้องใส่ Housing ดังนั้น สามารถใช้เพียงไม้เซลฟี่ติดกล้อง เท่านั้นจบเลย ไปได้ทุกที่ บนบกก็ถ่ายได้ดี ไปไหนก็เดินไปถ่ายไปได้ ไม่ต้องห่วง ต้องทะนุถนอมอะไรมาก ได้ Peace of mind ในการใช้ชีวิตกับกิจกรรมตรงหน้า มากกว่าการห่วงพะวงกล้องกับการถ่ายภาพ มันจึงตอบโจทย์แบบครอบจักรวาลได้ในตัวเดียว
แต่ข้อเสียคือ HyperSmooth นั้นเป็น Imaging stabilisation โดยใช้ Software ซึ่งถ้าสภาพแสงแย่ ๆ ภาพไม่ได้คมชัดเท่าไร ก็อาจจะทำงานได้ไม่ดี ไม่เนียนเหมือนกลางแจ้ง จะมีกระตุก ๆ ดังคลิปนี้ที่ MicBergsma รีวิวไว้ให้ดูแล้ว (ผมชอบเค้านะ เป็นยูทูปเบอร์ที่เป็นใบ้ แต่ทำคลิปเล่าเรื่องได้เก่งมาก ทักษะ Storytelling ไม่ธรรมดา)
สรุป Gopro7
ด้วยราคา ๑๔,๕๐๐ บาท (บวก Housing ๒,๐๐๐ นิด ๆ และ Accessories อีกนิดหน่อย) แต่สามารถเป็น Completed solution ได้จริง ๆ ทั้งบนบกในน้ำ ผมคิดว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ และถ้าต้องการงานเนียนพริ้วกริปจริง ๆ ก็ซื้อ Gimbal Karma Grip ราคาประมาณหมื่นบาท เข้ามาใช้ตอนเดินถ่ายบนบกด้วยได้ อันนี้จะเป็น Perfect solution ที่ถ่ายได้ทุกสถานการณ์ บนบก ในน้ำ Hyperlapse ไปจนถึง Timelapse แบบ motion คือแพนกล้องไปด้วย ก็สามารถตั้งค่าบนตัว Karma Grip ได้ ได้ภาพคุณภาพสูงพอจะส่งขาย Stock ได้ (แต่ต้องใช้ฝีมือและความพยายามเยอะหน่อย) แลกกับการไม่ต้องแบก Fullframe พร้อมอุปกรณ์เยอะ ๆ หนัก ๆ ไปออกทริป ถ้าคุณเป็นแบบผมคือ เป็นคนชอบถ่ายรูป ชอบคุณภาพของรูป และไปทริปกลับมาอยากมีวีดีโอสวย ๆ เล่าเรื่องราวเจ๋ง ๆ และมีรูปส่งขายหาทำเงินจากมันได้บ้าง แต่ไม่อยากแบกกล้องเยอะและหนัก Gopro7 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ (แต่ผมก็ยังมี Mirrorless Sony A6500 อีกตัวไว้เผื่ออยากถ่ายอะไรที่ซีเรียสขึ้นมาหน่อย)
Insta360 One X
รุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อมาจาก One ที่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว เป็นกล้อง ๓๖๐˚ ที่ผมว่าราคาสมเหตุสมผลและใช้งานง่ายที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว ใช้กันสั่น ๖ แกน สู้กับ HyperSmooth ใน Gopro7 และด้วยมุมกล้องที่กว้างกว่าอย่างเหลือเฟือ จึงมีโอกาสให้ทำ Stabilize ได้ภาพที่นุ่มนวลกว่า
จริง ๆ ผมมองว่า มันคนละตลาด คนละประเภทการใช้งานกับ Gopro เลยนะ ถ้าจะเทียบต้องไปเทียบกับ Gopro Fusion ที่เป็นกล้อง ๓๖๐˚ เหมือนกัน แต่ผมว่าตัวนั้นราคาไปไกลมาก เปิดราคาออกมา ๒๗,๐๐๐ ในขณะที่ Insta360 One X ๑๓,๕๐๐ บาทเท่านั้น ผมดูไฟล์จากรีวิวต่าง ๆ แล้ว พัฒนาขึ้นมาจาก One ค่อนข้างชัดเลยทีเดียว ภาพคมขึ้นมาก และต่อภาพได้เนียนขึ้นมาก มาพร้อมความละเอียดที่ 5.7k จึงทำให้เราสามารถซูมเข้าไปเน้นเฉพาะจุดได้ และถอยออกมาแสดงภาพมุมกว้างเป็นมุมมอง Fisheye เห็นโลกทั้งใบได้เลย
ผมมองว่า วีดีโอแบบ ๓๖๐˚ เนี่ย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก ยิ่งตอนซูมเข้าซูมออกระหว่างมุมมอง ๓๖๐˚ ที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบกล้อง เข้าไปเป็นมุมมองแบบวีดีโอปกติทั่วไป หรือจะอัพโหลดขึ้น Youtube เป็นฟอร์แมท ๓๖๐˚ แท้ ๆ ให้ผู้ชมเป็นคนเลือกมุมมองเอาเองว่าอยากจะหันไปทางไหน มันก็ว๊าวมาก ๆ เช่นกัน มันเหมาะที่จะใช้ในสถานที่ที่มีรายละเอียดที่น่าสนใจทุกมุมมอง เช่น กระโดดร่ม ลอดอุโมงค์ต้นไม้ หรืออยู่ในนิทรรศการศิลปะ ที่มีผลงานแสดงอยู่ทั่วทุกสารทิศรอบตัว มันง่ายตรงที่เราไม่ต้องเล็งกล้องเลย เพราะมันจะเก็บมาทั้งหมด ๓๖๐˚ รอบตัวเรา แล้วมาเลือกมุมมกล้องทีหลังได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ Invisible stick ของเขาที่ทำให้กล้องหายไปจากภาพ จึงทำให้สามารถถ่าย Selfie ได้เหมือนมีตากล้องคอยถ่ายเราอยู่อีกคน ผมเรียกมันว่า Third Person Eye Selfie
ตัวนี้ผมมองว่าเหมาะมาก ๆ สำหรับชาว Solo trip ที่ชอบเที่ยวคนเดียว แต่อยากได้ภาพเหมือนมีคนถ่ายให้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบมุมมองแปลกใหม่ มีไอเดียสร้างสรรค์ สนุก ๆ ในการนำเสนองานวีดีโอของคุณ ผมบอกเลยว่า มันถ่ายได้สนุกกว่า Gopro มาก ๆ และวีดีโอของคุณจะมีความแตกต่างอย่างน่าสนใจมาก ๆ
แต่สำหรับผมที่เป็นนักดำน้ำ มีความผิดหวังมาจาก Housing ของ One รุ่นก่อนหน้า ที่ Housing ทำมาแบบง่อยมาก ๆ ต่อภาพไม่เนียนอย่างแรงจนดูไม่รู้เรื่อง ทำเอาผมไม่อยากใช้ใต้น้ำอีกเลย
ผมจึงลุ้นมากว่า Housing ของ One X จะมีการปรับปรุงมากแค่ไหน พอลอง search หาตัวอย่างวีดีโอใต้น้ำดูแล้ว พบว่าสามารถแก้ปัญหาของ One ได้อย่างยอดเยี่ยม ต่อภาพได้เนียนมาก ๆ แต่ ยังน่าเสียดายที่เงาสะท้อนของ Housing ด้านใต้ที่ต่อกับ Selfie stick นั้นยังคงติดเข้ามาในสัดส่วนที่เยอะอยู่ ก็เท่ากับเราจะเสียมุมมองด้าน Bottom ไปมุมนึงครับ เมื่อใช้ใต้น้ำ
สรุป Insta360 One X
เป็นกล้อง ๓๖๐˚ ที่ราคากับคุณภาพคุ้มสุด ๆ แล้วในตลาดตอนนี้ครับ ใครเห็นภาพจากกล้อง ๓๖๐˚ แล้วไอเดียบรรเจิด ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากสร้างผลงานของตัวเองผ่านมุมมองแบบนี้บ้าง ผมว่ากล้องตัวนี้เหมาะกับคุณ แต่ถ้ามีเงินก้อนเดียว จะให้เลือกระหว่างตัวนี้กับ Gopro7 ผมว่ามันเลือกยากนะ มันเป็นกล้องคนละประเภทกัน แต่ถ้าไม่ซีเรียสมากเรื่องความสมบุกสมบัน กับคุณภาพไฟล์ ที่ Gopro อาจเหนือกว่าอยู่นิดหน่อย ผมคิดว่าใช้ตัวนี้แทน Gopro7 ได้ครับ เพราะเราก็ Export วีดีโอออกมาในมุมปกติแบบ Gopro ได้เช่นกัน ถ้าเน้นสนุก เน้นความมัน ความคิดสร้างสรรค์ อยากเล่าเรื่องการเดินทางแบบ Timewarp ที่เห็นรอบข้างได้ ๓๖๐˚ หรืออยากมีช๊อตเท่ ๆ อย่าง Bullet time กล้องตัวเล็ก ๆ พกง่าย ๆ สบาย ๆ แบบ Insta360 One X ตอบโจทย์มากครับ
DJI OSMO Pocket
จริง ๆ ผมชอบ DJI OSMO มาตั้งแต่รุ่นแรกแล้วนะ ไอเดียดีมาก ๆ ที่เอากล้องมารวมร่างกับ Gimbal เลย ผมชอบที่ความเรียบง่ายของมัน เปิดกล้องปุ๊ป Gimbal เซ็ทปั๊ป พร้อมถ่ายทันที มันจะเจ๋งมาก ๆ สำหรับทริปท่องเที่ยว เดินไปถ่ายไปได้สบายมาก แต่ด้วยลักษณะการใช้งานแบบนั้น ผมยังคิดว่ามันมีขนาดใหญ่เกินไป ที่จะใช้ในระหว่างเดินทางท่องเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ
แต่พอ OSMO Pocket ออกมามีขนาดเล็กเพียงฝ่ามือเท่านั้น อันนี้แหละครับ Game changer เลย ผมจะเที่ยวอย่างมีความสุขขึ้นเยอะมาก ถ้าใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพนิ่ง แล้วใช้ OSMO Pocket ถ่ายวีดีโอตลอดทริป เพราะด้วยขนาดของมัน ทำให้หยิบเข้าออกจากกระเป๋าเสื้อได้ง่ายมาก ความคล่องตัวสูงมาก ๆ แล้วจุดไหนสวยจริง ๆ แจ่มมาก ๆ ค่อยหยิบกล้อง Mirrorless ออกมาจากเป้ ตั้งขาตั้งถ่ายดาว ทางช้างเผือก Timelapse ก็ว่ากันไป แต่มันจะทำให้การถ่ายวีดีโอระหว่างทริปท่องเที่ยว ง่ายและสนุกขึ้นมาก แต่ได้วีดีโอคุณภาพสูง นิ่งในระดับ Cinema ได้สบาย ๆ ด้วยสเปกที่ไม่ต่างจาก Gopro7 เลย แถมยังถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีกว่า Gopro7 ด้วยซ้ำ เพราะเลนส์รูรับแสง ๒.๐ สามารถเก็บแสงได้ดีกว่ารูรับแสง ๒.๘ ของ Gopro7 พอสมควร ที่สำคัญคือเป็นการ Stabilized บน Gimbal ทำให้ประสิทธิภาพสูงกว่า HyperSmooth ที่ใช้ Software แน่นอน และทั้งหมดนี้ ก็มาในราคาสูสีกันคือ ๑๓,๕๐๐ บาท
พูดถึง Timelapse ก็ต้องพูดประเด็นนี้นิดนึง เพราะผมชอบมาก ๆ OSMO Pocket ตัวนี้ทำ Timelapse แบบ motion แพนมุมกล้องได้ในตัวในขณะถ่าย Timelapse เลยครับ เพราะมันมี Gimbal ในตัวไง ในขณะที่ Gopro ต้องใช้ Karma Grip เข้ามาช่วย ถ้าใครชอบความเรียบง่าย ขั้นตอนน้อย ๆ นี่จะเป็นข้อได้เปรียบมาก ๆ ของ OSMO Pocket มันเหมือนไม่ได้ซื้อกล้องอ่ะ แต่เป็นการซื้อไลฟ์สไตล์ อืม พูดไปก็อยากได้นะเนี่ย ๕ ๕ ๕
ส่วนเรื่องการลงน้ำน้ำ ถึง DJI จะมี Housing มาให้ แต่ผมว่า การใช้ Gimbal ในขณะดำน้ำนั้นมันดูขัด ๆ กันพอสมควร เพราะเรามุดไปมุดมา ก้มมั่ง เงยมั่ง เคลื่อนไหวไร้ทิศทางตลอดเมื่ออยู่ใต้น้ำ การเปิด Gimbal แล้วเคลื่อนไหวโดยการหมุนแกนขนาดนั้น น่าจะทุลักทุเลพอสมควร ยกเว้นไปดำน้ำแบบ Skin diving ใส่ชูชีพแล้วลอยนิ่ง ๆ บนผิวน้ำไปเรื่อย ๆ แบบนั้นก็คงพอได้มั้ง แต่ผมยังไม่คิดจะเอา OSMO Pocket ลงน้ำตอนนี้นะ Gopro7 ดูจะเหมาะกว่าเห็น ๆ
สรุปสุดท้าย
มาถึงตอนนี้ คงเข้าใจที่ผมบอกแล้วว่า บางคนก็จะเลือกซื้อมันทั้งสามตัวนั่นแหละ เพราะมันตอบโจทย์ที่แตกต่างกันครับ เหมือนเราซื้อ City car คันเล็ก ๆ เอาไว้ขับในกรุงเทพ ซื้อมอไซค์อีกคันเอาไว้ขับไปเซเว่นปากซอย หรือไประยะไม่ไกลมากแต่แม่มรถติดมาก ๆ หาที่จอดลำบาก แล้วยังซื้อรถครอบครัวคันใหญ่ ๆ อีกคัน ไว้ไปต่างจังหวัดให้พ่อแม่นั่งสบาย ๆ นั่นแหละ เป็นรถเหมือนกันแต่ วัตถุประสงค์การใช้งานมันแตกต่างกัน และคงยากครับ ที่จะซื้อรถคันเดียว แล้วตอบโจทย์ทั้งหมดได้ แต่ถ้าเงินเราจำกัด ซื้อรถหลาย ๆ คันไม่ได้ เราก็ต้องเลือกแหละเนอะ ว่าจะซื้อมาทำอะไรเป็นหลัก ประโยชน์ด้านไหนที่เราจะได้ใช้มากที่สุด บ่อยที่สุด
สำหรับตัวผมเอง
ผมพิจารณาจากความถี่ของการใช้งานครับ ถ้าใช้บ่อย ใช้เยอะ ถึงจะคุ้มค่า เหมือนซื้อรถคันใหญ่มา แต่ปีนึงไปต่างจังหวัดแบบนั้น สองครั้ง ก็คงไม่คุ้ม และกลายเป็นเอารถใหญ่หาที่จอดยากเข้าเมืองไปทำงานทุกวัน สุขภาพจิตยิ่งแย่เสียอีก
กล้องเองก็เช่นกัน ผมคิดว่า ผมจะได้ใช้กล้อง ๓๖๐˚ มากที่สุด เพราะมันทำคลิปสนุกและสร้างสรรค์มุมมองได้หลายรูปแบบ ใช้ได้หลายสถานการณ์ พกติดตัวไปทุกวันก็ยังได้ ดังนั้นผมจะเลือก Insta360 One X ยืนพื้นไว้ก่อน แต่ตอนไปทริปดำน้ำ คงใช้ Gopro7 เพราะเชื่อในคุณภาพไฟล์มากกว่า ถ้าเจอสัตว์ใหญ่ที่ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ หรือไปในที่ที่ปะการังสวยมาก ๆ ผมคงอยากได้ความสวยงาม คมชัด บันทึกประสบการณ์สำคัญที่เราอาจจะไม่ได้สัมผัสมันแบบนั้นอีก และโดยเฉพาะถ้าเป็นทริป Freediving มันต้องเรียบง่ายและคล่องตัวที่สุด ซึ่งผมยังยกให้ Gopro เป็น Perfect solution สำหรับกีฬา Extreme อยู่ เพื่อจะดำน้ำได้อย่างสบายใจ กล้องเล็ก ทน ถึก ไม่ต้องห่วงถ้าดำลงไปลึก ๆ แล้วน้ำจะเข้ากล้อง เพราะต่อให้ Housing รั่ว น้ำซึมเข้ามา ตัว Gopro7 เองก็กันน้ำได้อยู่แล้ว หมดความกังวลระหว่างดำน้ำมากกว่าตัวอื่น ๆ ครับ
ส่วน OSMO Pocket นี่ ถ้าเงินไม่ถึง ผมคงตัดใจจากความง่ายและไลฟ์สไตล์ชิค ๆ ไปก่อน เพราะใช้ One X กับกันสั่น ๖ แกนในตัวเลนส์ เดินถ่ายระหว่างทริปแทนก็พอแก้ขัดได้ แม้มันจะใหญ่กว่า เทอะทะกว่า และถ่ายในเวลากลางคืนได้ไม่ดีเท่า OSMO Pocket แต่ก็คงเพียงพอกับการใช้งานของผมแล้ว (นี่เรามาถึงยุคที่ กล้องเล็กขนาดฝ่ามืออย่าง One X เป็นกล้องเทอะทะแล้วเหรอเนี่ย!)
แต่สำหรับคนที่ไม่ดำน้ำ
ไม่ได้เล่นกีฬา Extreme
ไม่สนใจ ๓๖๐˚
ชอบเดินไปถ่ายไปสบาย ๆ หรือพูดบรรยายไปด้วย
ผมบอกเลยว่า OSMO Pocket โคตรคูล มันทำออกมาให้ User คนธรรมดาทั่วไป ไม่ต้องชอบถ่ายภาพ ไม่ต้องเคยมีกล้องมาก่อน ก็ใช้งานได้ ใช้ง่ายแถมได้วีดีโอนิ่งกริบระดับ Cinema คือถ้าผมต้องเลือกกล้องวีดีโอสักตัวให้พ่อผมเอาไปใช้ส่วนตัวในทริปญี่ปุ่น ผมก็คงเลือก OSMO Pocket นี่แหละครับ ผมว่าเราน่าจะเห็นคลิปดีดี รีวิวแจ่ม ๆ Vlog สนุก ๆ หรือหนังสั้นเด็ด ๆ จาก Consumer ทั่วไปกันอีกเยอะขึ้นมาก จาก OSMO Pocket ที่จะมาเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีถ่ายทำวีดีโอไปอย่างสิ้นเชิง
การแข่งขันกันทางเทคโนโลยีสมัยนี้ ไม่ได้แข่งกันที่ Spec ของ Hardware เพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่จะเน้นไปที่ไลฟ์สไตล์ การนำ Gadget ไปใช้งานมากกว่า
เทรนด์ที่เห็นได้ชัดคือ การออกแบบเครื่องมือให้ “คนทั่วไป” ที่ไม่ใช่ช่างภาพ ไม่เคยถ่ายวีดีโอ สามารถใช้เครื่องมือเพื่อสร้างผลงานระดับโปรได้อย่าง “ง่าย” เค้าไม่ได้ขายกล้องให้กับคนเล่นกล้อง ที่อาจมีไม่กี่ % บนโลกอีกต่อไป แต่ขาย “ประสบการณ์” ในการผลิตผลงานระดับโปรได้อย่างง่าย ๆ ให้แก่ผู้คนจำนวนมากบนโลกใบนี้ต่างหาก
ก่อนจบ ขอฝากร้านเพื่อนหน่อยครับ ใครไม่รู้จะซื้อร้านไหน แนะนำร้าน K-RC Shop พี่กิ เป็นคนเล่นกล้อง เล่นโดรน เล่น Gadget ที่ให้คำแนะนำผมเรื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ มาโดยตลอด ใครอยู่แถวนนท์หรือละแวกใกล้เคียง แวะไปพูดคุย ปรึกษาเรื่อง Gadget ที่ร้านแกได้ครับ
Line@ : @krcshop (ใส่ @ ข้างหน้าด้วยนะครับ)
Website : krcshop.net
Challenges to prove long lasting lip ( ลิปติดทน ) . That anyone can use it because it is easy to apply, has a long-lasting longer than any lip, guarantees kisses, does not fall off, does not fall off, does not transfer, lip matte lasts longer than 16 hours, does not have to waste time to fill during the day. Comes with more than 36 shades that anyone can paint. Any skin color is fine. https://www.maybelline.co.th/lips/superstay-lips