ผมใช้ iPhone มาตลอดสิบปี
เครื่องสุดท้ายที่ใช้คือ iPhone6 พอ iPhone7 ออก ก็เริ่มประสบปัญหาเครื่องช้า อืด แถมแบตหมดไว แต่ก็เปลี่ยนแบตและใช้มาจน iPhone8, iPhoneX ออก ผมก็ไม่ได้เปลี่ยน เพราะเห็นว่า ราคามัน Overvalued ไปมาก สิ่งที่ใส่มาเพิ่ม ผมแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน เลยไม่ได้อยากจ่ายเงินขนาดนั้น เพื่อสิ่งที่เราไม่ต้องการ เลยทนใช้ 6 มาเรื่อย ๆ ตบตีกับความคิดจะย้ายค่ายอยู่เป็นปี
สุดท้ายพอ iPhone6 มันอืดจนทนไม่ไหว แค่จะเปิด LINE ต้องนั่งจ้องโลโก้เกือบ 10 วิที่หน้า Splash screen ฟางเส้นสุดท้ายจึงขาด ผมยอมเดินออกจาก Ecosystem ของ Apple ไปมองหาตัวเลือกอื่นที่ “คุ้มค่า” เมื่อเทียบกับราคา มากกว่า iPhone8, iPhoneX
.
แต่จังหวะดีมาก มีเพื่อนชวนเข้าโครงการช่วยทาง Huawei หา bug โทรศัพท์ ก่อนจะวางขายในตลาดจริง ผมจึงได้เครื่อง Huawei Y9 มาทดสอบอยู่หลายเดือน เลยได้รู้ว่า Andriod เสถียรขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่กล้องของ Y9 นั้นให้คุณภาพรูปที่ต่ำเกินไปสำหรับคนรักการถ่ายรูปอย่างผม (แต่เทียบกับราคาเครื่องราว ๆ 7,000 บาทแล้ว ต้องจัดว่ากล้อง Y9 นั้นก็เข้าขั้นเยี่ยมนะครับ – เป็นผมที่หัวสูงเอง) และประทับใจสุด ๆ ตรงที่แบตอึดมาก จนผมไม่ต้องใช้ Power bank อีกเลย
.
ผมจึงได้สรุปคุณสมบัติพื้นฐานของมือถือที่ผมต้องการ
- เปิดลื่นทุกแอป ไม่มีสะดุด ไม่อืด ไม่ค้าง
- แบตอึด ๆ ที่ใช้งานปกติควรอยู่ได้ตลอดวัน
- เมื่อเจอวิวสวย แสงสวย กล้องถ่ายรูปต้องตอบสนองจินตนาการของเราได้
.
เลยได้ชัดเจนว่า Huawei Y9 ตอบสนองความต้องการของผมเรื่องกล้องไม่ได้ ผมจึงเตรียมตัวเปลี่ยนไปใช้ Samsung Note8 เพราะคุณสมบัติครบทุกอย่าง แถมมีปากกาให้จด ให้วาด ซึ่งถูกจริตกับคนชอบขีด ๆ เขียน ๆ อย่างผมมาก
.
แต่พอ Huawei เปิดตัว P20 Pro
เมื่อเดือนเมษา 2018 ก็สร้างความแตกตื่นในวงกว้าง โดยเฉพาะบรรดาช่างภาพ ต่างต้องหันมามองสมาร์ทโฟนจีนตัวนี้กันด้วยความตื่นเต้น เพราะแทบไม่เคยมีใครใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในกล้องมือถือมาก่อน
.
ไม่ใช่กล้องมือถือ แต่มันคือกล้องคอมแพค
เซ็นเซอร์รับภาพยิ่งมีขนาดใหญ่เท่าไร ก็ยิ่งถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ดีเท่านั้น คุณภาพไฟล์จะยิ่งดี ใส เนียน และ Noise ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
จากภาพเราจะเห็นว่า เซ็นเซอร์ P20 Pro ขนาด 1/1.78″ นี่ ใหญ่กว่ากล้อง Compact ทั่วไปแล้วครับ และถ้าเทียบกับมือถือรุ่นใกล้ ๆ กันอย่าง Samsung S9+/Note9 ที่ขนาดเซ็นเซอร์ยังอยู่ที่ 1/2.55″ ก็ถือว่าใหญ่กว่านิดนึงด้วยนะ
.
.
ISO สูงสุด 102400
ทีแรกผมเห็นสเปคนี้ ต้องขยี้ตาสองรอบ ว่ากำลังอ่านสเปคกล้องมือถือ หรือ DSLR กันแน่ เพราะกล้อง Mirrorless หลาย ๆ ตัว ก็ยังทำได้ไม่เท่านี้เลยนะครับ
ISO คือค่าความไวแสงของเซ็นเซอร์ ค่ายิ่งมาก ยิ่งถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดี แต่คุณภาพรูปจะยิ่งต่ำลง Noise ยิ่งเยอะตามมาด้วย ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็น ให้ใช้ ISO ให้ต่ำสุด ภาพจะยิ่งใส ยิ่งคมชัดครับ ถ้าจำเป็น แสงน้อย ถ่ายกลางคืน ส่วนใหญ่กล้องทั่วไปก็ใช้กันแค่ ISO3200 Noise ก็เริ่มมาแล้ว ยกเว้นกล้องดี ๆ ราคาแพง ๆ ดัน ISO สูงเป็นหมื่น แต่คุณภาพรูปก็ยังดีงามอยู่
ปกติเราคงไม่ได้ใช้ ISO ถึงขนาด 102400 หรอกครับ แต่มีมาให้ถึงขนาดนี้ แปลว่าความไวแสงของเซ็นเซอร์ตัวนี้นั้นสูงมาก ๆ บางสถานการณ์เราอาจจะอยากได้รูปในที่แสงน้อย โดยไม่ต้องสนใจคุณภาพของรูปก็เป็นได้ มีไว้ก็ย่อมดีกว่าไม่มีแน่นอน
.
.
เปลี่ยนแขนเป็นขาตั้งกล้องด้วย AI Stabilizer
โหมดถ่ายภาพกลางคืน ในสมาร์ทโฟนตัวนี้ สำหรับผมมันคือ “นวัตกรรม” นะ เพราะการที่กล้องทำให้ตากล้องใช้มือเปล่า ๆ ถือกล้องถ่ายได้นานถึง 6 วินาที โดยภาพไม่สั่นนี่ เหมือนเปลี่ยนแขนเราเป็นขาตั้งที่พกติดตัวไปทุกที่ได้เลย
โดยปกติ การถ่ายรูปในที่แสงน้อย ต้องใช้ขาตั้งกล้อง วางกล้องให้มั่นคงดั่งหินผา เปิดหน้ากล้องเก็บแสงที่วิ่งเข้ามาเป็นเวลานาน สะสมปริมาณแสงซ้ำ ๆ จนได้ความสว่างมากพอ เรียกว่าการถ่ายภาพแบบ Long exposure ก็เลยต้องใช้ขาตั้งกล้อง ไม่งั้นภาพจะสั่น
แต่ตอนนี้ ไม่มีขาตั้งกล้องก็ไม่เป็นไรอีกต่อไป AI (Artificial Intelligence) ในกล้องตัวนี้ช่วยท่านได้ โดยที่จะถ่ายรัว ๆ มาหลายภาพ แล้วประมวลผลรวมกันเป็นภาพเดียวให้เสร็จสรรพ AI จะจับข้อมูลที่เหลื่อมกันในแต่ละภาพ ที่เกิดจากมือเราขยับ เอามาเรียงให้ตรงกันเป็นตับ แล้วรวมข้อมูลแสงเหล่านั้นเข้าด้วยกัน จนเป็นเหมือนการสะสมแสงจากการเปิดหน้ากล้อง กลายเป็นภาพที่คมชัด สว่างไสว ในที่สุด
รูปบน คือรูปที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (ปิด AI) จะเห็นได้ว่าในบริเวณนี้ ไม่ได้มีไฟทางส่องถนนและกำแพงเลย มีเพียงแสงไฟจากร้านทางขวาเท่านั้น
ส่วนรูปล่าง เปิด Night mode ใช้มือเปล่าถือ 4 วินาที กล้องก็เก็บแสงเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้ภาพสว่างขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังเก็บรายละเอียดในส่วนสว่างจ้าไว้ให้ด้วย ไม่ให้ Burn out ไปจนเหลือแต่สีขาว ๆ เรียกว่าทำ HDR (High Dynamic Range) ให้เรียบร้อยโรงเรียนลิง เรามีหน้าที่แค่ยกกล้องขึ้นถ่ายแค่นั้น จบปิ้ง
แต่โหมดอื่น ๆ อย่างเช่น Light painting ยังคงต้องใช้ขาตั้งกล้องนะครับ
หรือวางกับขอบสะพานให้มั่นคง ก็พอได้ครับ
Case ใครมีห่วงด้านหลัง กางออกมาช่วยประคองได้สบายครับ
ลากยาว ๆ ราว ๆ 20 วิ
ขอบสะพานลอยอีกเช่นเคย ไฟมอไซค์จังหวะดี ๆ ก็ได้ภาพแปลกตาดีนะ
.
.
กล้องหลัง 3 ตัว จาก Leica
ไม่ใช่แค่ 2 แต่ให้กล้องมาถึง 3 ตัว! ให้มาทำไมขนาดนั้น? มาเข้าใจการออกแบบนี้กัน
1. กล้องหลัก เป็นเลนส์มุมกว้าง 27mm ความละเอียดสูงถึง 40 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง F1.8 ถ่ายได้ดีแม้ในที่แสงน้อย (แต่ Samsung S9+/Note9 ให้มาสว่างกว่าที่ F1.5) มีกันสั่นในตัวยิ่งทำให้การถ่ายรูปกลางคืนดีขึ้น
แต่องศารับภาพ 27mm นี่ เป็นปกติพื้นฐานกล้องคอมแพคทั่วไป ที่มักให้มาที่ 28mm แต่ผมว่ายังกว้างไม่สะใจเท่าไรสำหรับการถ่ายวิว อย่างน้อยน่าจะเริ่มสัก 24mm จะสวยมาก
2. กล้องสอง เป็นเลนส์ Tele Zoom 80mm (ซูม 3X) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4 มีกันสั่นในตัว และเมื่อใช้ข้อมูลภาพร่วมกับกล้องหลัก ที่ความละเอียดสูงมาก มาประมวลผลร่วมกัน ทำให้สามารถซูมได้ถึง 5X แบบ Hybrid คือ เลนส์ Tele 3X + Software ช่วยคำนวณ
ถึง 5X จะเป็น ซูม Hybrid ที่ใช้ Software ช่วย แต่ความคมชัดของรายละเอียด ยังจัดว่าโอเคเลยครับ
ดูไปเพลิน ๆ อย่าลืมนะครับ ว่านี่กล้องมือถือ!
สุดท้ายกล้องตัวที่ 3 นี่แหละ ทีเด็ด เป็นกล้องขาวดำ ขนาด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง F1.6
กล้องขาวดำล้วน จะเก็บ Dynamic Range หรือ การไล่โทนมืด-สว่าง ได้ดีกว่าภาพสี ทำให้สามารถถ่ายภาพขาวดำแท้ ๆ ในโหมด Monochrome ได้อารมณ์ขาวดำจริง ๆ ที่แตกต่างจากการใช้ Software ดูดสีออกจากภาพปกติ
สิ่งเดิม ๆ รอบบ้านให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปเมื่อมองเป็นขาวดำ
การเก็บโทนมืดสว่างทำได้ดีเลยนะผมว่า
ดูตามเส้นที่เป็นรายละเอียดมาก ๆ ยิ่งเห็นว่าการเก็บโทนมืดสว่างทำได้ดีจริง ๆ ครับ
สังเกตการเก็บรายละเอียดในส่วนมืดครับ ครบมาก
ประโยชน์ของกล้องตัวนี้ ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปขาวดำแท้ ๆ ได้เท่านั้น แต่ Software จะนำข้อมูลการไล่โทนจากกล้องขาวดำนี้ ไปประมวลผลรวมกับกล้องหลัก ตอนถ่ายภาพปกติด้วย ทำให้ภาพที่ได้จาก P20 Pro มีมิติของงสีสัน รายละเอียดโทนมืด โทนสว่างครบถ้วน รูปที่ได้จึงมี Dynamic Range ที่ดีครับ
ถึงตรงนี้ผมไม่แปลกใจ ทำไมเว็บ DXOMARK ที่มีชื่อเสียงในด้านการวัดค่าเซ็นเซอร์ ให้คะแนน P20 Pro สูงถึง 109 คะแนน
กลายเป็นกล้องมือถือ ที่ได้คะแนนสูงที่สุดในปัจจุบัน พอลองใช้แล้วต้องบอกว่า ไม่ได้อวยเกินจริงเลยครับ
.
.
พลังทำลายล้ายฉากหลังอันรุนแรงแถมติดคริ
เลนส์ Wide และ Tele ทำงานร่วมกับ Software เพื่อถ่ายรูปแบบ หน้าชัด-หลังเบลอ ได้เนียนในระดับที่ยอมรับได้ครับ ผมรอให้กล้องมือถือพัฒนามาถึงจุดมานานแล้ว เพราะส่วนตัวไม่ชอบรูปหน้าชัดหลังเบลอแบบที่ดูปลอม ดู Fake เช่น ถ่ายคนหลังละลายแต่หูเบลอ ขอบไหล่เบลอไปด้วย อะไรเทือกนั้น มันดูไม่มีสเน่ห์เลย สู้ถ่ายปกติธรรมดาไปเลยดีกว่า แต่พูดแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่ามันจะออกมาเหมือน DSLR เลยนะครับ ณ จุดนี้ผมยืนยันว่า ยังไงการเบลอเทียมด้วย Software ไม่ว่าจะมีเลนส์อีกตัวมาช่วยคำนวณยังไง ก็ยังสวยไม่เท่าเบลอแท้ด้วยเลนส์แน่นวล
ปกติถ้าถ่ายคน เราไม่ต้องใช้โหมด Portrait ก็ได้ AI มันฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าเป็นภาพคน แล้วปรับไปเป็น Portait ให้เองอยู่แล้วครับ เพียงแต่บางครั้งโหมด Portrait ก็ไม่ได้ทำฉากหลังละลายให้ ผมจึงชอบใช้โหมด Aperture มากกว่า ซึ่งชัวร์ว่าได้ DOF (Depth of Field) แน่นอน แถมมาปรับทีหลังได้ด้วยว่าจะให้ชัดจุดไหน ให้ระดับความเบลอมากน้อยเท่าไร
จากที่ลองใช้มา ก็จัดว่าได้รูปหน้าชัดหลังเบลอในแบบที่พอใจเป็นส่วนใหญ่ ทั้งถ่ายวิว ถ่ายคนครับ มีน้อยมากจริง ๆ ที่ดูปลอมจนต้องลบทิ้งไป
แต่ แต่ แต่
DOF มันเวิร์คแค่ในภาพนิ่งเท่านั้นนะครับ การทำหน้าชัดหลังเบลอในวีดีโอนี่ เข้าขั้นห่วยมาก คือทำเบลอ ออกมาเป็นของเด็กเล่นเลย เหมือนเป็นฝ้าที่หน้าเลนส์มากกว่า และการตัดตามขอบวัตถุ คนละเรื่องกับภาพนิ่งที่ทำได้ดี ได้เนียน จนผมคิดว่าถ้ายังไม่พร้อม ยังไม่ต้องใส่โหมด Aperture ลงมาในโหมดถ่ายวีดีโอ ยังจะดีซะว่า ลองดูตัวอย่างนี้ได้ครับ
ไหน ๆ ก็พูดถึงวีดีโอแล้ว ขอบ่นต่อตรงนี้เลยละกันครับ ภาพนิ่งนั้นเริ่ดมาก จนคาดหวังไปเองซะสูงว่า วีดีโอก็น่าจะเนียนเช่นกัน แต่มันไม่เป็นแบบนั้นเลย ผมคาดหวังว่า Stabilizer ในโหมดวีดีโอ จะทำไฟล์ออกมาได้เนียนนุ่มกว่านี้
คือมันก็ไม่ได้แย่มาก แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งในท้องตลาด ที่อุตส่าห์ชนะเขาด้านภาพนิ่งมาแล้วแท้ ๆ แต่ไม่ยอมไปให้สุด กลับหยุดการพัฒนาวีดีโอไว้แค่นี้ ส่วนตัวผมชื่นชมทางฝั่ง Apple เรื่องไฟล์วีดีโอจริง ๆ ความนิ่ง ความต่อเนื่อง ถ่ายทอดอารมณ์ของเหตุการณ์ออกมาได้ไหลลื่นกว่าเยอะ ลองให้ตัวอย่างไฟล์มันอธิบายเองแล้วกันครับ สำหรับผม ระบบ Stabilize วีดีโอในช่วงแพนมุมกล้อง มันยังกระตุกเกินกว่าจะเอาไปใช้ถ่ายงานได้นะ
ผมก็เลยลองไปหาข้อมูลเพิ่มเรื่องวีดีโอ ปรากฏเจอคลิปทดสอบ Slow motion ของสามค่าย Samsung S9+, Sony XZ2, Huawei P20 Pro ผลออกมาชัดเจนมากว่า P20 Pro ห่วยสุด
และผมดูจากภาพแล้ว คิดว่า P20 Pro หมกเม็ดครับ ไม่ได้ถ่าย Slow motion 960fps ได้จริง น่าจะถ่ายได้น้อยกว่านั้น แล้วใช้ Software แทรกเฟรมเข้าไป คือเป็น Slow motion เทียมนั่นเองครับ
จริง ๆ แบบนี้เสียหายมากนะครับ ภาพนิ่งอุตส่าห์ทำได้ดีมาก ๆ แต่ดันมาฆ่าตัวตายที่วีดีโอจริง ๆ ครับ
.
.
กล้องหน้า
นี่ก็เป็นอีกสิ่ง ที่ P20 พลาดมาก ๆ อุตส่าห์ทำกล้องหลังซะยอดเยี่ยม แต่กล้องหน้าดันทำออกมาเน้นฟรุ๊งฟริ๊ง ถ่ายแล้วหน้าเด็ก หน้าเนียน ขนาดปรับลด Beauty จนเหลือ 0 แล้ว ก็ยังจะเนียนเป็นตูดเด็ก ไม่ว่าจะเป็นสิว ริ้วรอย แผลเป็น อะไรก็ตามที่อยู่บนใบหน้า สามารถจางหายไปได้หมด เมื่อผ่านกล้องตัวนี้
คือหลายครั้ง ชีวิตคนเราก็ไม่ได้ต้องการความฟรุ๊งฟริ๊งขนาดนั้นปะวะ ตอนจะใช้กล้องหน้าส่องดูรอยแผล ดูสิว ดูว่าอะไรติดหน้า มันก็ต้องการความคมชัดไหม อุตส่าห์ทำสเกล Beauty มาให้ปรับได้แล้ว แต่ปรับเหลือ 0 ก็ยังคงสวยหล่อเกาหลีไม่มีแก่
หอยหลอดเถอะครับ
เนี่ย กล้องหน้า ปรับ Beauty=0 แล้วก็ยังเนียนครับ ไม่ชอบเลย
อันนี้ให้ดู Bokeh เทียมของกล้องหน้า ก็พอขำ ๆ นะครับ หูเบลอไปพร้อมหญ้า ๕ ๕ ๕
ปรับระดับความเบลอไม่ได้ ฟรุ๊งฟริ๊งในทุ่งลาเวนเดอร์ได้เบอร์เดียว
.
.
นักแคปในตำนาน
อีกลูกเล่นที่ถูกใจผมมากคือ การถ่ายภาพด่วนใน 0.4 วินาที
บางครั้งเราอาจจะเจอเหตุการณ์ที่อยากจะเก็บรูปทันที เช่น นั่งเรืออยู่ดี ๆ มีโลมาโดดขึ้นข้าง ๆ เรือ แบบนี้ถ้ามีโทสับอยู่ในมือ ไม่ต้องเสียเวลาปลดล๊อคหน้าจอครับ กด Volume down 2 ครั้ง ในขณะที่โทรศัพท์ปิดหน้าจออยู่ กล้องจะถ่ายภาพทันที และขึ้นบอกที่หน้าจอว่าใช้เวลากี่วิในการแคปเฌอร์รูปนั้น แล้วก็จะเข้าสู่โหมดกล้อง ถ่ายรูปต่อได้ทันทีอีกด้วย
แต่คุณภาพของรูปจาก Quick Capture ก็แค่พอใช้ได้เท่านั้น ความตั้งใจของมัน เหมือนเป็น log บันทึกเหตุการณ์เฉพาะหน้าในทันที อย่างถ่ายทะเบียนมอไซค์ที่วิ่งบนฟุตบาทในทันที ไรเทือกนี้ครับ ไม่ได้เอาไว้ถ่ายวิวสวย ๆ นะ
สภาพแสงปกติหายห่วงครับ แคปได้เร็วและคมชัด ใช้งานได้สบาย
สภาพแสงน้อยต้องถือกล้องนิ่ง ๆ นิดนึง
เพราะโหมดนี้อาจไม่ได้ใช้ความสามารถกล้องเต็มที่ เนื่องจากต้องการเก็บภาพให้เร็วที่สุด
.
.
เป็นมิตรต่อธรรมชาติ
ช่วงหลัง ๆ ผมไม่ชอบแบกกล้องใหญ่ เลนส์ยาว ๆ เพราะไปไหนมาไหนก็เป็นจุดสนใจ มันดูมืออาชีพ ดูมาถ่ายงาน เลยซื้อกล้อง Mirrorless ตัวเล็ก ๆ มาใช้ แต่อย่างไปวิ่งออกกำลังกาย คงไม่มีใครแบก DSLR พร้อมขาตั้งกล้องมาด้วยแน่อน เจ้า P20 Pro นี่มันเป็นมือถือ ที่พกไปวิ่งในสวนสาธารณะ แล้วอุ่นใจเหมือนแบก DSLR พร้อมขาตั้งมาด้วยตลอดเวลา ถ้าโทรศัพท์มือถือ ทำได้ดี ได้เนียนระดับนี้ สำหรับผมคือ “สนุก” แน่นอน ที่จะมีกล้องแบน ๆ เบา ๆ แบบนี้ติดตัวไปทุกที่ ไม่มีใครแตกตื่นครับ
ผมวิ่งอยู่ใจกลางสวนรถไฟตอนสองทุ่มครึ่ง เห็นจังหวะแสงสวย
เลยหยิบมือถือขึ้นมากดแชะนึง แล้ววิ่งต่อ ก็ได้ภาพแบบนี้กลับมาด้วย
รูป Portrait นกใบนี้ จากจุดที่ผมยืน ต้องใช้กล้องที่มีเลนส์ที่ซูมสัก 70mm
ถึงจะได้มิติแบบนี้ DOF เบลอประมาณนี้
.
.
สรุป
Huawei P20 Pro สำหรับผม มันคือ “กล้อง” ที่มีฟังก์ชั่น “สมาร์ทโฟน” ครับ ความโดดเด่นคือ ถ่ายรูปสนุกมาก เรียนรู้คาแรกเตอร์ของแต่ละโหมดนิดนึง ก็เดินถ่ายรูปเล่นช่วงเย็น-ค่ำได้สบาย ๆ ไม่ต้องพกขาตั้งกล้อง ก็ได้รูปเหมือนพกกล้องใหญ่ และถ่าย RAW ได้ ถ้าเอาไปแต่งรูปต่อดีดี มีเนียนไม่แพ้กล้องระดับโปร
AI ช่วยเรื่องถ่ายรูปให้สะดวกและมีประสิทธิภาพขึ้นมาก แต่หลายครั้งเมื่อถ่ายภาพในช่วงแสงน้อย AI จะพยายามปรับแสง และ Sharpen จนรูปดู Fake ไปหน่อย ก็ยังมีอีกหลาย ๆ สถานการณ์ครับ ที่ AI ยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่เยอะครับ โอกาสเจออาจจะแค่ 2 ใน 10 รูป ประมาณนั้น
รูปแสงน้อยที่รายละเอียดสูง AI อาจพยายามเร่งแสงและ Sharpen มาก ๆ จนดู Fake ไปนิด
ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ ของความเป็นสมาร์ทโฟนนั้น จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีหมดครับ เปิดแอป สลับแอป ไหลลื่น ไม่มีปัญหาเลย CPU ทำงานเร็วมาก ก็ลองถ้ากล้องมีการประมวลผลเยอะขนาดนี้แล้วยังทำได้ลื่น ได้เร็ว การใช้งานแอปทั่วไปก็คงฉลุย แต่ถึงกระนั้น ผมลองเล่นเกม ROV ดูแล้ว แอบรู้สึกว่า มันน่าจะลื่นได้กว่านี้นะ แต่ก็ไม่ถึงกับกระตุกให้เสียอารมณ์นะครับ
แบตเตอรี่นี่เป็นข้อดีที่ผมชื่นชมมาตั้งแต่ Huawei Y9 แล้ว และ P20 Pro ก็มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh (อันเป็นเรื่องใหญ่ขนาด Note9 เอามาชูเป็น “จุดขาย” เชียวนะ) การใช้งานปกติ เล่นเน็ท ดูวีดีโอ ถ่ายรูป ตามปกติ เกมบ้างนิดหน่อย อยู่ได้ทั้งวันสบาย ๆ ไม่ต้องพก Power bank เลยครับ อันนี้ผมชอบมากจริง ๆ ไม่หนักกระเป๋าอีกต่อไป พอกันทีกับการใช้มือถือแบบต้องเสียบ Power bank ไปด้วย มันน่ามคานมากเลยนะ
.
.
ถ้าให้สรุปในประโยคเดียว
Huawei P20 Pro เป็นมือถือที่คนชอบถ่ายรูป จะ “สนุก” ที่จะพกมันในทุก ๆ วันครับ
395 thoughts on “รีวิว Huawei P20 Pro ในวันเปิดตัว Note9”
Comments are closed.