ในช่วงเวลานี้ ประเทศไทยกำลังถูกจับตาว่า อาจเข้าร่วมความตกลงการค้าเสรี CPTPP ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออธิปไตยทางอาหารของประเทศอย่างร้ายแรง
การเข้าร่วมความตกลงนี้ จะทำให้ไทยต้องเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญา UPOV1991 อันจะนำมาซึ่งการต้องแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายสิทธิผูกขาดให้แก่บรรษัทเมล็ดพันธุ์ และ “ห้ามเกษตรกรเก็บพันธุ์พืชไปปลูกต่อ” ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลโดยตรงต่อความหลากหลายทางชีวภาพและสภาพความมั่นคงทางอาหารของเราทุกคน
“เมล็ดพันธุ์” สำคัญอย่างไร? ทำไมในหลายพื้นที่ของโลกจึงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อให้ประชาชนธรรมดายังมีเสรีภาพในการเก็บมันและใช้ปลูกต่อไป แทนที่จะปล่อยให้ตกอยู่ในมือของบรรษัทการเกษตรขนาดใหญ่เท่านั้น?
ผมดูสารคดีเรื่องนี้ไป ก็กด Pause ไป เมื่อเจอประโยคเด็ด หรือเนื้อหาที่คิดว่าน่าสนใจมาก ๆ อยาก Archived ไว้ ผมก็พูดใส่มือถือ ให้พิมพ์ออกมาให้ และรวบรวมไว้ใน Blog นี้
ดังนั้น จะว่านี่คือการรีวิวหนัง ก็ไม่ใช่ สรุปหนัง ก็ไม่เชิง
เอาเป็นว่า ผมแค่อยาก Capture บาง Quote จาก Documentary เรื่องนี้เอาไว้ ไม่ให้เลือนหายไปตามกาลเวลา จะเรียกว่า รวม Hilight ที่ถูกใจผม ก็คงจะได้นะครับ
ดังนั้น อย่าคาดหวังมากนะ เป็นการจดบันทึกที่อินดี้สุด ๆ ฮ่า
“ผมคือ Noah ไม่ใช่ God”
“Noah ไม่ใช่คนตัดสินว่า จระเข้จะได้ขึ้นเรือหรือเปล่า หรือแมลงริ้นดำจะได้ขึ้นมั้ย งานของเขาคือพาพวกนั้นขึ้นเรือ”
– ลุง Will Bonsall
“ในมดลูก มนุษย์คือเมล็ดพันธุ์
เราดูแลเมล็ดพันธุ์ ฝังในมดลูกของแม่ธรณี”
“พวกมันอาจเรียกผมว่าพ่อและบอกว่า
พ่อฮะ ผมดีใจที่ได้อยู่กับพ่อ เพราะนี่คือลูก ๆ ของผม”
“ก่อนตาย คุณปู่ยัดเมล็ดพันธุ์พวกนี้ใส่มือผม แล้วบอกว่า นี่คือชีวิต”
“ถ้าเรามีเมล็ดพันธุ์ในกระเป๋า ไม่ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อเราหิว เราเดินไป กินเมล็ดพวกนี้ไปได้ แต่เรากินเงินไม่ได้”
“ถ้าคิดก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาตินะ ระเบิดธนาคารเมล็ดพันธุ์ทิ้งไง ถ้าจะทำให้ประเทศไหนอ่อนแอทันที ก็แบบนั้นเลย”
“ตอนที่เราบุกอิรัก เราทำลายธนาคารเมล็ดพันธุ์ ทำลายสวน ทำลายแหล่งเก็บเมล็ดพันธุ์โบราณชั้นดี ที่รัฐบาลนั้นรวบรวมไว้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ”
“เมล็ดพันธุ์ฉลาดมากนะ สำหรับฉันมันคือเวทมนตร์”
“มีเมล็ดพันธุ์ที่อาศัยไฟ มีเมล็ดพันธุ์ที่ติดไปกับขนของสัตว์สัตว์ตัว แล้วถูกพาไปไกลหลายไมล์ มีเมล็ดพันธุ์ที่งอกไม่ได้ถ้าไม่ได้ผ่านลำไส้สัตว์”
“เมล็ดพันธุ์เปรียบกับประตูเชื่อม ระหว่างชีวิตของพืชต้นเก่า และของขวัญที่มันมอบให้พืชต้นใหม่”
“ครูของเราคือพืช พวกมันกำลังสอนว่าต้องเสียสละตนเอง เพื่อมอบบางสิ่งให้รุ่นต่อไป มันคือการเกิดใหม่รูปแบบหนึ่ง”
“เมล็ดพันธุ์คือแคปซูลกาลเวลา มันอนุรักษ์ทุกอย่างจากอดีตไว้ แล้วก็นำส่งต่ออนาคตด้วย”
“ผมรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ต่อโลกนี้ ซึ่งไม่ว่ามันจะขาดสมดุลหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ที่ผมต้องนำของดีแบบนี้ ไปสู่มนุษยชาติวงกว้างที่สุดเท่าที่ทำได้”
“มีพืชบนโลกกว่า 300,000 ชนิด
มีราว 30,000 ชนิดที่กินได้
มี 120 ชนิดที่คนใช้กินเป็นประจำจริง ๆ
และมนุษย์ส่วนใหญ่กินอยู่แค่ 10 ชนิด
ถั่ว ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าว
ไม่มีอะไรเทียบกับภาพใหญ่จริง ๆ ได้เลย
เราควรใส่ใจเป็นพิเศษกับเมล็ดพืชป่า
และคิดหาทางเพาะปลูกพวกมัน
เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของมรดกความหลากหลายทางชีวภาพ ที่จะป้อนอาหารคนทั้งโลก”
“ราว ๆ ทศวรรษ 1890
มีการแจกเมล็ดพันธุ์นับพันล้านห่อ ให้เกษตรกรทั่วประเทศฟรี
สมาคมพ่อค้าเมล็ดพันธุ์แห่งอเมริกา
จ้างล็อบบี้ยิสต์มาห้ามรัฐบาล ไม่ให้แจกเมล็ดพันธุ์
พวกเขามองว่าเมล็ดพันธุ์เป็นสินค้า เป็นสิ่งที่คำนวณค่าได้
ชั่งตวงซื้อขายและเข้าตลาดหุ้นได้
เป็นแค่ตัวเลขบน spreadsheet”
“ในปี 1924 โครงการเมล็ดพันธุ์ของรัฐก็จบลง นักอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่พวกนี้ ยังบอกอีกว่า
ทางเดียวที่เราจะมีกำไรจากเกษตรกรรมในอเมริกา คือคิดค้นเมล็ดพันธุ์ที่เก็บรักษาไม่ได้
นี่คือจุดกำเนิดของอุตสาหกรรมผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสม เม็ดใหญ่ขึ้น ดีขึ้น ทำให้ผลผลิตมากขึ้น ความสำเร็จวัดที่ผลผลิตบริษัทผลิตเม็ดพันธุ์ลูกผสมโหมกระแสความนิยมเรื่องการสร้างผลผลิตมากที่สุด งานประกวดข้าวโพดระบาดไปทั่ว คุณค่าของคุณไม่ได้วัดจากจำนวนครั้งที่เข้าโบสถ์ แต่วัดว่าคุณปลูกข้าวโพดได้ดีแค่ไหน”
“ข้าวโพดพันธุ์ผสม คือระเบิดนิวเคลียร์ของเกษตรกรรม”
“หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดการปฏิวัติเขียวในเม็กซิโก (Green revolution) วิสัยทัศน์ของมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ เป็นจุดเริ่มต้นการปฏิวัติเขียว เพื่อจัดหาอาหารราคาถูกผู้คนจะได้อยู่กับระบบทุนนิยมและไม่ก่อจราจลกลายเป็นคอมมิวนิสต์”
“มันเป็นเรื่องของการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะกับเกษตรเชิงพาณิชย์ระดับใหญ่ทั่วโลก
การปฏิวัติเขียวเอาความรู้มั่งคั่งของเกษตรกรรายย่อย ที่มีวิวัฒนาการกว่าพันปี ไปทิ้งลงถังขยะประวัติศาสตร์ แล้วแทนที่ด้วยอุตสาหกรรมการเกษตรสมัยใหม่
จู่ ๆ คนใส่ชุดคลุมสีขาวก็กลายเป็นผู้ชนะ และเป็นผู้ตัดสินเรื่องความรู้ด้านเมล็ดพันธุ์ทั่วโลกอยู่คนเดียว”
“เมล็ดพันธุ์ของการปฏิวัติเขียว ที่เรียกกันว่าปาฏิหาริย์แห่งความหลากหลายนั้น ถูกเพาะมาให้ต้องพึ่งพาสารเคมีมากขึ้น อุตสาหกรรมผลิตยุทธภัณฑ์ที่โลภมาก อยากให้ใช้สารเคมีพวกนี้เป็นสารเคมีการเกษตร จึงผลักดันพวกมันเข้าสู่การเกษตร”
“เมล็ดพันธุ์ 90 เปอร์เซ็นต์ที่เราใช้ปลูกอาหาร ผลิตโดยบริษัทเคมี บริษัทยา และบริษัทผลิตยาฆ่าแมลง ทีนี้ก็เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนขนานใหญ่ เมื่อบริษัทเคมีเป็นเจ้าของเมล็ดพันธุ์เอง พวกเขาก็ไม่แค่อยากให้เกษตรกรพึ่งพาเมล็ดพันธุ์ของเขา แต่ยังอยากให้พึ่งพาสารเคมีของพวกเขาด้วย”
“เราใช้ยาฆ่าวัชพืช อาทราซีน 8 ล้านปอนด์ต่อปีเฉพาะในสหรัฐ อาทราซีนทำให้กบและปลามีสภาวะเพศเมียมากขึ้น มันทำให้ตัวผู้เปลี่ยนเป็นตัวเมียโดยสมบูรณ์ อาทราซีนนำไปสู่การเป็นมะเร็งเต้านม สัมพันธ์กับการแท้ง และความผิดปกติแต่กำเนิด เราน่าจะได้บทเรียนแล้วตั้งแต่เรื่อง DDT แต่นี้เรากำลังเรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ที่กังวลกันมากคือ มะเร็งหลายชนิด ที่เกี่ยวพันกับยาฆ่าแมลง”
“ผมเข้ามาในแวดวงนี้เต็มตัวเพราะอาทราซีน ผู้ผลิตตอนนั้นจ้างผมให้มาดูแลอาทราซีน บริษัท Novartis บอกว่าผมบอกใครไม่ได้นะเรื่องงานวิจัย ตีพิมพ์ไม่ได้ เขียนก็ไม่ได้ แล้วพวกเขาก็เริ่มบงการข้อมูล ตอนนั้นเองที่ผมรู้ตัว ผมช่วยบริษัทขายสารเคมีตัวนี้ ซึ่งผมรู้ว่ามันเลวร้าย แล้วก็กลับบ้านไปหาลูกเมีย เดาสิวันนี้พ่อทำอะไรมา ผมทำต่อไปไม่ได้”
“ตอนนั้นผมเลยทำวิจัยที่ป่วนวงการ แต่ผู้คนได้รู้ว่าสารเคมีนี้ร้ายกาจ พวกเขาก็วางแผนจัดการผม ทำร้ายนักเรียนของผม สืบสวนภรรยาของผม ผมทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้จากจุดที่ผมอยู่ คุณก็รู้ว่ามันเสี่ยงยังไง การเป็นนักวิชาการและประกาศจุดยืนเพื่อความถูกต้อง แต่เราทุกคนต้องทำ”
“ตอนได้ยินว่ามีคนคิดจะจดสิทธิบัตรเมล็ดพันธุ์ หรือพืชอะไรก็ตาม ฉันตกใจมาก ตอนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรได้รับอนุญาต คุณเป็นเจ้าของธรรมชาติไม่ได้”
“อันตรายนะที่มีบริษัทเป็นเจ้าของเมล็ดพันธุ์ เราเป็นผู้พิทักษ์ความรู้และข้าวโพดนี้ คนอื่นกล้าดียังไงมาแย่งไป”
“เมื่อข้าวโพดพวกนี้ถูกปนเปื้อน ก็ไม่มีทางที่คุณจะกำจัดสิ่งแปลกปลอมได้ วิธีเดียวที่ปลอดภัยคือ เผาให้สิ้นซาก ผมจะไม่เอาไปให้สัตว์กิน ไม่ทำเป็นปุ๋ยหมักเพราะมันอยู่ใน DNA มันเป็นการทำร้ายเมล็ดพันธุ์ และทำร้ายพวกเรา ในฐานะชาวพื้นเมือง”
“เฮนรี คิสซินเจอร์ กล่าวไว้ ถ้าคุณอยากปกครองประเทศให้ควบคุมน้ำมัน ถ้าคุณอยากปกครองคนให้ควบคุมอาหาร
แวนดาน่า ชิว่า บอกว่า ถ้าคุณอยากควบคุมอาหารให้ควบคุมเมล็ดพันธุ์”
“เมื่อเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ
เริ่มกลายเป็นสินค้าจดสิทธิบัตร ของบรรษัททั้งหลาย
คุณก็ทำลายเสรีภาพของเมล็ดพันธุ์”
ประชาพิจารณ์ 2491
“ลูกชายของฉันคนนี้เกิดมา โดยมีหัวใจบกพร่องชนิดรุนแรงหายากมาก เขากำลังจะตาย หัวใจเขาสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่ได้ ต้องทนผ่าตัดถึง 9 ครั้งในเวลาไม่กี่เดือน ที่ฉันแน่ใจก็คือ ตลอดเวลาที่ตั้งท้อง ฉันระวังตัวทุกอย่างเพื่อให้ลูกในท้องเติบโตแข็งแรง การไม่ผ่านร่างกฎหมายนี้เท่ากับบอกฉันว่า ฉันไม่มีสิทธิ์รู้ ถ้าฉันรู้ก่อน ฉันคงเลือกที่จะไม่ให้ลูกของฉันได้รับอันตราย ขณะที่ทำงานไปวัน ๆ โดยไม่รู้อะไรเลย”
“ผมกำลังพูดแทนลูกชายที่ยังไม่คลอด ลูกของผมมีอาการผนังหน้าท้องพิการแต่กำเนิด คืออวัยวะในท้องออกมาอยู่นอกตัว ผมไม่ได้โทษใคร แต่ผมอยากให้เลิกพ่นยาพิษ ผมมีลูกที่คลอดออกมาก็ต้องผ่าตัดทันที เมื่อดูจากสภาพนี้มันต้องมีอะไรผิดปกติกับเกาะนี้ เพราะเด็ก ๆ ไม่ควรเจอแบบนี้”
ร่างกฎหมาย 2491 ผ่านการพิจารณา เรียกร้องบริษัทเคมีเปิดเผยรายชื่อยาฆ่าแมลงที่ใช้พ่น
บริษัทเคมีปฏิเสธที่จะทำตามและฟ้องร้องเทศมณฑล Kauai ทันที
“เวลาเราสอนเรื่องเมล็ดพันธุ์ เราก็ขัดเกลาตัวเอง ให้กลับสู่ความสัมพันธ์ในวิวัฒนาการ ระหว่างพืชกับมนุษย์ เราสร้างคนรุ่นใหม่ที่ห่วงใยชีวิต เรียกร้องให้เมล็ดพันธุ์มีอิสระอีกครั้ง สร้างกระบวนทัศน์ใหม่สำหรับลูกหลานของเรา เราต้องทำสัญญานั้นกับข้าวโพด ว่าเราจะใช้มันหล่อเลี้ยงเรา และเราก็จะเลี้ยงมันด้วย”
- ร่วมเก็บรักษาความหลากหลายของเมล็ดพันธุ์
- ปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ใช่ GMO
- เก็บและแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์
- เริ่มทำห้องสมุดเมล็ดพันธุ์
- สนับสนุนธนาคารเมล็ดพันธุ์
- สนับสนุนการห้ามใช้สารพิษกำจัดศัตรูพืช
- กินอาหารอินทรีย์ในท้องถิ่น
- เข้าร่วมกับองค์กรที่สนับสนุนอิสรภาพของเมล็ดพันธุ์