เมื่อวานนี้ แฟนผมวิ่งตาตื่นออกมาจากห้องน้ำ บอกว่า ช่วยด้วย ล้างห้องน้ำ ฉีดน้ำไปโดนกระจก ทำไฟช๊อต !
ผมรีบวิ่งเข้าไปดู ได้กลิ่นไหม้ลอยออกมา จากกระจกที่มีไฟแต่งหน้า ไฟช๊อตดังแปล๊บ ๆ หลอดติด ๆ ดับ ๆ
ผมใช้สมุด มากดปิดสวิตช์ไฟ
แต่มือดันไปแตะโดนขอบกระจก
เลยถูกไฟดูดไปจี๊ดนึง
ผมปิดสวิตช์สำเร็จ
แต่ไฟไม่ดับ และเริ่มช๊อตหนักขึ้น
ไฟฟ้าน่าจะลัดวงจรไปแล้ว เพราะน้ำเข้า
.
ผมรีบวิ่งออกมาสับคัทเอ้าท์ลง
พอไฟดับ สิ่งแรกที่คิดคือ
กระจก ก็ติดอยู่บนกำแพงตั้งสูง
แถมมีอุปกรณ์ไฟฟ้าฝังอยู่
ทำไมถึงยังฉีดน้ำขึ้นไปจนไฟช๊อตขนาดนี้?
.
จากนั้นร้อยคำตำหนิ หมื่นคำบ่น
พร้อมพ่นออกมาได้ทันที
“ทำไมไม่ระวัง?”
“ฉีดน้ำไปใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้ยังไง?”
“ไฟไหม้ขึ้นมาจะว่ายังไง?”
อะไรประมาณนี้ มีออกมาได้เรื่อย ๆ ไม่จำกัด
ผมเชื่อว่า ทุกท่านก็คิดคำด่าได้เหมือนผมแหละ
การกล่าวโทษคนอื่น
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมนุษย์เราหรอก
.
แต่ก่อนที่ปากผมจะขยับ
ผมถามตัวเองว่า
พูดคำเหล่านี้ออกไปแล้วได้อะไร?
แฟนผมเขาไม่รู้หรอกเหรอ?
.
จริง ๆ เขาก็รู้หมดแล้วทั้งนั้น
เขาแค่เพียงพลาดพลั้งไป
เขาเองก็ตกใจ เสียใจ ที่ทำของพัง
ทำให้บ้านเราตกในอันตราย
ไม่ต่างอะไรไปจากผมหรอก
เขากำลังตกอยู่ในสภาพแบบนั้น
เรายังจะใช้คำพูดแย่ ๆ
ถาโถมไปทำร้ายจิตใจเขาเพิ่มอีกหรือ?
.
ทั้งหมดในพารากราฟก่อนหน้านี้
เกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที
ผมห้ามปากตัวเองได้ทันที
ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดจากปากผมไป
เป็นมีดกรีดใจคนที่ผมรัก
.
.
ผมตระหนักรู้ทันทีว่า
การที่ผมมีสติ สามารถรับรู้
การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ได้
รู้เท่าทันสิ่งที่กำลังจะพูดออกไป
จนสามารถควบคุม
หยุดความพลั้งเผลอปากไวได้นั้น
เป็นอานิสงส์มาจากการ “ฝึกสติ”
ต่อเนื่องประจำทุกวัน
.
แต่ก่อนผมก็ปากไว แถมหมาด้วย
เจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมด่าแน่ ๆ
แต่เพราะเราฝึก “เจริญสติ” ทุกวัน
จึงมี “สติที่เจริญ”
.
ก็เหมือนคนที่โยคะ ยกเวท ประจำทุกวัน
ร่างกายก็ยืดหยุ่นดี มีกล้ามสวยแหละ
ผมไม่ได้ไปวัด ไม่ได้เข้าป่า
ไม่ได้ทำอะไรยาก ๆ มากมาย
แค่นั่งสมาธิ
ฝึกให้จิตไปจดจ่ออยู่ที่ ๆ เดียว
ทำได้มั่ง ไม่ได้มั่ง แต่ก็ทำทุกวัน
จนพลังสมาธิ มันมากพอที่จะจดจ่อ
อยู่กับอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด
ที่เกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีได้ทัน
จึงมีโอกาสพิจารณา
ว่าจะหยุดยั้งพฤติกรรมบางอย่างไหม
โดยเฉพาะที่ถูกขับเคลื่อนจากอารมณ์
.
.
การเจริญสติ, การฝึกจิต, การปฏิบัติธรรม
จะเรียกอะไรก็แล้วแต่
สำหรับผม มันไม่ใช่กิจกรรมทางศาสนา
ไม่ใช่เรื่องของใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
แต่เป็นเรื่องของมนุษย์ทุกคน
ที่จะ (ปฏิบัติ) ตนให้รู้เท่าทัน (ธรรม) ชาติ
รู้เท่าทันการตอบสนอง
ต่อสิ่งที่มากระทบประสาทสัมผัสทั้งห้า
ตา หู จมูก ปาก สัมผัส
อะไรมากระทบ
แล้วเราให้ความหมายอย่างไร
แล้วเรากำลังจะโต้ตอบไปอย่างไร
.
ผมเอง กว่าจะมาถึงจุดนี้
ก็ทำความสัมพันธ์พังมาเยอะแล้ว
ทำชีวิตตัวเองและคนทีรัก
พังมาหลายครั้งแล้ว
เพราะเราควบคุมตัวเองไม่ได้
รู้ไม่เท่าทันความคิดตัวเอง
รู้ไม่เท่าทันการเคลื่อนไหวของตัวเอง
.
สติและสมาธิที่แข็งแกร่ง
จะทำให้เรารู้เท่าทัน
สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดครับ
โดยเฉพาะช่วงนี้
ที่เราไม่ควรเกาหน้า ขยี้ตา
หยิบเอาอะไรเข้าปาก
เมื่ออยู่ในจุดที่เสี่ยงติดโรคระบาด
และยังไม่ล้างมือ
แต่คนส่วนใหญ่ทำไม่ค่อยได้
เผลอลืมตัวอยู่บ่อย ๆ
ก็เพราะ ไม่ค่อยได้ฝึกสตินั่นเองครับ
.
เราฝึกสติไปทำไม?
จะ “มีสติ” ได้ ก็ต้อง “เจริญสติ”
มันแลกมาด้วยความตั้งใจและเวลา
ไม่ต่างจากการลดความอ้วน
ถ้า หุ่นดี ไม่มีหล่นมา จากฟากฟ้า
สติปัญญา ก็คงเช่นกัน
.
เติร์ด นันทวัจน์
#สนทนาบำบัด